จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ไม่ค่อยรู้_ เกี่ยวกับมารดาหลังคลอด_ แผลฝีเย็บ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมารดาหลังคลอด


ฝีเย็บ / การตรวจแผลฝีเย็บ

หากมีการฉีกขาดของฝีเย็บหรือมีการเย็บซ่อมแซมฝีเย็บหลังคลอด ควรสังเกตบริเวณแผลฝีเย็บว่ามีลักษณะของการอักเสบติดเชื้อหรือไม่ หากพบว่าแผลฝีเย็บบวมแดง กดเจ็บ อาจรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับการดูแลความสะอาดของแผล แต่หากแผลฝีเย็บบวมตึงมาก หรือมีหนองคั่งอยู่ภายใน ให้ตัดไหมเพื่อให้หนองไหลได้สะดวกและทำความสะอาดแผลจนกว่าแผลไม่มีการติดเชื้อแล้วจึงเย็บแผล ในบางกรณีมารดามีอาการเจ็บแผลฝีเย็บมากโดยไม่มีลักษณะของการอักเสบติดเชื้อ ควรสงสัยภาวะเลือดคั่ง (hematoma) ใต้แผลฝีเย็บ ซึ่งในบางรายไม่สามารถมองเห็นจากการตรวจแผลฝีเย็บด้านนอกเพียงอย่างเดียว ต้องตรวจแผลฝีเย็บในช่องคลอดด้วยจึงจะทราบว่ามีเลือดคั่งมากหรือน้อย ในกรณีตำแหน่งเลือดคั่งอยู่ใต้ต่อ urogenital diaphragm ก้อนเลือดที่คั่งจะดันแผลฝีเย็บให้โป่งนูนคลำได้จากการตรวจภายใน การรักษาทำได้โดยการตัดไหมที่เย็บไว้เพื่อเอาก้อนเลือดที่คั่งอยู่ออก ค้นหาและเย็บซ่อมแซมจุดที่เลือดออกก่อนจะเย็บปิดแผลฝีเย็บ หากไม่สามารถห้ามเลือดให้หยุดสนิทได้อาจใส่ท่อระบายคาไว้ร่วมด้วย แต่หากตำแหน่งเลือดคั่งอยู่เหนือต่อ urogenital diaphragm ก้อนเลือดจะคั่งอยู่บริเวณข้างปากมดลูกและดันมดลูกให้ลอยสูงขึ้นไปในช่องท้อง เลือดจะเซาะแทรกได้มากกว่ากรณีแรก มารดาอาจมีภาวะช็อค ซีดจากการเสียเลือดมาก การรักษาต้องผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อระบายเลือดและหาจุดเลือดออก


น้ำคาวปลา (lochia)

เป็นสิ่งคัดหลั่งที่ออกมาจากโพรงมดลูกหลังคลอด ประกอบไปด้วย decidua ที่หลุดลอก เม็ดเลือดแดง และแบคทีเรีย ในระยะแรกภายใน 3 วันหลังคลอดน้ำคาวปลาจะมีสีแดงเรียกว่า lochia rubra ในวันที่ 3 – 10 หลังคลอดน้ำคาวปลาจะจางลง สีค่อนข้างใสเรียกว่า lochia serosa และหลังวันที่ 10 น้ำคาวปลาจะลดน้อยลงมีสีขาวหรือสีเหลืองขาวเรียกว่า lochia alba น้ำคาวปลามักจะยังคงมีอยู่ได้นานถึง 4 – 8 สัปดาห์หลังคลอด


การสำรวจน้ำคาวปลา

การตรวจดูน้ำคาวปลาว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะดังกล่าวข้างต้นหรือไม่จะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะของมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูกว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายหลังคลอดเป็นปกติดีหรือไม่ หากน้ำคาวปลาไม่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว ยังคงมีสีแดงอยู่ตลอด น้ำคาวปลามานานกว่าปกติ หรือมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย อาจบ่งบอกถึงการมีเศษรกค้างหรือมีภาวะอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก แต่อย่างไรก็ตามในบางรายน้ำคาวปลาอาจมานานได้ถึง 4 – 8 สัปดาห์โดยไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ หรือในกรณีที่ตำแหน่งรกเกาะมีขนาดใหญ่ เช่น ครรภ์แฝด ทารกตัวโต หรือทารกบวมน้ำ น้ำคาวปลาอาจมามากกว่าปกติได้


การดูแลความสะอาดของปากช่องคลอดและแผลฝีเย็บ (Perineal care)

การดูแลความสะอาดของปากช่องคลอดและแผลฝีเย็บทำได้โดยใช้น้ำสบู่หรือ antiseptic solution ชนิดอ่อนล้างทำความสะอาดเฉพาะภายนอก และซับให้แห้งวันละสองครั้งเช้าเย็น ไม่ควรสวนล้างเข้าไปในช่องคลอด ในระยะที่ยังมีน้ำคาวปลาอยู่ควรใส่ผ้าอนามัยรองไว้และเปลี่ยนแผ่นใหม่เมื่อรู้สึกชุ่มหรือทุก 3 – 4 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการอับชื้น อาจใช้การอบไฟอินฟราเรดเพื่อช่วยในการหายของแผลฝีเย็บเร็วขึ้น โดยทั่วไปขอบแผลจะติดกันดีภายใน 1 สัปดาห์ และหายสนิทดีภายใน 2 – 3 สัปดาห์หลังคลอด  หากเย็บด้วยไหมละลายไม่จำเป็นต้องนัดมาตัดไหม แต่ถ้าเย็บด้วยไหมไม่ละลาย เช่น silk ต้องนัดมาตัดไหมในวันที่ 5 – 7 หลังคลอด


การดูแลแผลฝีเย็บ

ดูแลรักษาแผลฝีเย็บด้วยการอาบน้ำ ทำความสะอาดอวัยวะเพศตามปกติและซับให้แห้ง หรืออาจใช้วิธีนั่งแช่น้ำอุ่นครั้งละ 15 นาที วันละประมาณ 2 ครั้ง จากนั้นซับแผลให้แห้ง หรือใช้การประคบอุ่นที่แผลแทนการนั่งแช่น้ำอุ่นก็ได้ ไม่ต้องใช้ยาใส่แผล โดยทั่วไปแผลฝีเย็บจะติดดีภายใน 7 วัน และแผลจะหายสนิท 2-3 สัปดาห์ หลังคลอด
ควรใส่ผ้าอนามัยเพื่อซึมซับน้ำคาวปลาและควรเปลี่ยนบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมม
ควรหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสระน้ำขณะยังมีน้ำคาวปลาไหล เพราะปากมดลูกจะเปิด จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อในโพรงมดลูกได้


การมีประจำเดือนและการตกไข่หลังคลอด

ในกรณีไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาจเริ่มมีประจำเดือนภายใน 6 – 8 สัปดาห์หลังคลอด และอาจตกไข่ได้เร็วที่สุดคือ 33 วันหลังคลอด แต่ในกรณีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สม่ำเสมอ การมีประจำเดือนจะทำนายได้ยาก ส่วนใหญ่ประจำเดือนมักจะมาช้า หรืออาจไม่มีประจำเดือนเลยในช่วงที่ให้นมบุตร เช่นเดียวกับการตกไข่ของสตรีหลังคลอดที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ซึ่งจะช้ากว่าและตกไข่ไม่บ่อยเท่าสตรีหลังคลอดที่ไม่ได้ให้ลูกดูดนม ดังแสดงในรูปที่ 3 การให้ลูกดูดนมนานอย่างน้อยครั้งละ 15 นาทีวันละ 7 ครั้งขึ้นไปจะทำให้เลื่อนเวลาไข่ตกออกไปได้ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ในสตรีหลังคลอดที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะพบประมาณร้อยละ 4 ต่อปี โดยการตกไข่ที่พบได้เร็วที่สุดคือ 49 วันหลังคลอด สำหรับการตกไข่หลังแท้งหรือท้องนอกมดลูกจะพบได้เร็วที่สุดคือ 14 วันหลังแท้ง ในกรณีที่มีไข่ตกไม่จำเป็นต้องเกิดประจำเดือนตามมา และในกรณีที่มีประจำเดือนก็ไม่จำเป็นต้องมีไข่ตกเสมอไป แต่พบว่าไข่จะตกอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นหากประจำเดือนกลับมาเป็นรอบเหมือนปกติ


อาการผิดปกติหลังคลอดที่ต้องรีบกลับไปพบแพทย์

อาการผิดปกติที่ต้องรีบกลับไปพบแพทย์ก่อนครบกำหนดนัดตรวจหลังคลอด ได้แก่
1. ไข้สูง
2. ปวดแผลฝีเย็บมาก นั่งหรือเดินลำบาก
3. ปัสสาวะแสบขัด
4. น้ำคาวปลาที่เคยออกเป็นสีจางแล้ว กลับมามีเลือดออกสีเข้มมากขึ้น ปริมาณเลือดออกมากขึ้น มีกลิ่นเหม็น
5. มีอาการผิดปกติอื่นๆ หรือ มีอาการของภาวะแทรกซ้อน ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ ภาวะ แทรกซ้อน
6. เมื่อกังวลในอาการ

การอยู่ไฟ
หากจะอยู่ไฟ หรือกระโจมความร้อน ควรอยู่ไฟอ่อนๆ และห้ามนำลูกเข้าอยู่ไปด้วย ระ หว่างการอยู่ไฟ จะทำให้สูญเสียเหงื่อมาก อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ จึงควรดื่มน้ำมากๆ



ที่มา :
การดูแลสตรีระยะหลังคลอด (puerperium care)
ผศ. พญ. เฟื่องลดา ทองประเสริฐ
http://www.med.cmu.ac.th/dept/obgyn/2011

ระยะหลังคลอด (Postpartum period)
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
http://haamor.com/ระยะหลังคลอด


การให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ พักฟื้น อาหาร โรงพยาบาล ป่วย โรคเรื้อรัง ผ่าตัด สายให้อาหาร NG tube feeding เบาหวาน ความดัน ความดันโลหิตสูง แพทย์ ยา หารอาหารปั่น อาหารเสริม อาหารผสม นม นมกระป๋อง บัตรทอง สามสิบบาท ประกันสังคม บ้าน อัมพฤกษ์ อัมพาต พิการ ติดเตียง อยู่ไฟ อยู่ไฟหลังคลอด น้ำคาวปลา ตั้งครรภ์ ท้อง คลอด บุตร ลูก ลูกชาย ลูกสาว ฝากครรภ์ อบสมุนไพร ประจำเดือน นวด โอท้อป แพทย์ หมอ มดลูก เข้าอู่ นม น้ำนม ประจำเดือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การศึกษาและประสพการณ์การทำงาน

นายบุญยิ่ง ฤกษ์อุดม

BOONYING RERKUDOM

ใบประกอบวิชาชีพ เลขที่ 4511023525

สมาชิกสภาการพยาบาล เลขที่ 38875

Education

Bachelor of Nursing Science (1995), Mahidol University, BKK

Experience

2012 – Present: Supervisor Kasemrat Bangkae Hospital, BKK

2011-2012 : Supervisor BANGPAKOK 8 Hospital, BKK

2005-2011 : Night manager CHAOPHYA Hospital, BKK

1995-2005 : Nurse manager BANGPAKOK 1 Hospital, BKK

1992-1995 : ICU nurse Siriraj Hospital, BKK

การศึกษา

พยาบาลศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล (2535)

ประสพการณ์

2555- ปัจจุบัน :ผู้ตรวจการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค

2557- ปัจจุบัน :ผู้บริหารโรงเรียนบางกอกอินเตอร์แคร์ การบริบาล

2554- 2555 :ผู้ตรวจการ โรงพยาบาลบางปะกอก 8

2548- 2554 :ผู้ตรวจการ โรงพยาบาลเจ้าพระยา

2538- 2548 :ผู้จัดการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลบางปะกอก 1

2535- 2538 :พยาบาลประจำการ หออภิบาลสยามินทร์1 โรงพยาบาลศิริราช