จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561

ประโยชน์ของการอยู่ไฟหลังคลอด

อยู่ไฟหลังคลอด


การดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอดด้วยการแพทย์แผนไทยในอดีต ไม่มีตำราใดเขียนไว้ มีแต่องค์ความรู้ทางการแพทย์ในเรื่องที่เกี่ยวกับแม่และเด็กที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ปฐมจินดา เริ่มตั้งแต่การตั้งท้อง การคลอด เรื่องรก การดูลักษณะเด็ก โรคเด็ก ฯลฯ แต่ไม่ได้กล่าวละเอียดเกี่ยวกับการคลอด หลังคลอดอมีเพียงเรื่องของยาที่ใช้ระยะเรือนไฟ เช่น ยาช่วยให้คลอดง่าย ยาแก้รกค้าง ยาใช้แทนการอยู่ไฟ ยาขับน้ำคาวปลา ยาบำรุงน้ำนม ยาขับน้ำนม ยาบำรุงเลือด ฯลฯ

การคลอดบุตรของคนไทยแต่โราณนั้น ทำได้แต่การคลอดธรรมดา ถ้ามีการคลอดผิดปกติแม่จะอยุ่ระหว่างอันตรายมาก  ในขณะที่คลอดจะมีการข่มหน้าท้องโดยใช้กำลังกดที่หน้าท้อง ให้เด็กออกเร็วขึ้น บางรายใช้เท้าเหยียบ หรือใช้ไม้ทำเป็นรูปเท้าเล็กๆกด จึงน่าจะเป็นอันตรายมาก โรคที่น่ากลัวสำหรับแพทย์ในสมัยนั้น ได้แก่ สันิบาตหน้าเพลิง คือระยะที่อยู่ไฟแล้วมีไข้  เนื่องจากการติดเชื้อเวลาคลอด ฉะนั้นหลังคลอดแล้วคุณแม่ต้องอยู่ไฟ เพื่อป้องกันการเกิดอาการต่างๆ และเพื่อฟื้นฟูสุขภาพของคุณแม่เอง

ประโยชน์ของการอยู่ไฟ
1.  ช่วยขับน้ำคาวปลาและของเสียออกจากร่างกาย
2. ช่วยให้มดลูกแห้งและเข้าอู่เร็วขึ้น
3. ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
4. ช่วยเสริมสร้างความพร้อมสำหรับการให้นมบุตร
5. ช่วยลดอาการตาพร่ามัวเวลาอายุมากขึ้น หรือลดการเกิดอาการวัยทอง
6. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
7. ช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน
8. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ผิวพรรณ และความงามหลังคลอด
9.ช่วยให้แผลบริเวณฝีเย็บหายและแห้งสนิทเร็วยิ่งขึ้น
10. ช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน หรือที่เรียกว่า ลมผิดเดือน


ขั้นตอนการอยู่ไฟ มีดังนี้
1. การเข้ากระโจม
2. การประคบตัว (มีประคบเปียก ประคบแห้ง)
3. การอาบน้ำสมุนไพร
4. การทับหม้อเกลือ
5. การนาบอิฐ
6. การนั่งถ่าน

และนอกจากนั้นต้องมีการจำกัดอาหารการกิน งดอาหารแสลงทุกชนิด อาหารที่สามารถรับประทานได้ เช่น ในสมัยก่อนให้กินข้าวกับเกลือ ปลาแห้ง ปลาย่าง ถ้าวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว การกินข้าวกับเกลือจะทำให้ได้รับเกลือแร่ (โซเดียมคลอไรด์) ที่ร่างกายสูญเสียไปพร้อมกับการเสียน้ำเสียเลือดขณะคลอด รวมถึงกับการเสียเหงื่อขณะอยู่ไฟ ซึ่งถ้าร่างกายขาดโซเดียมคลอไรด์จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เซื่องซึมหรือเกิดเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อ การกินข้าวกับเกลือจึงทดแทนได้ และข้าวเปล่าสมัยก่อนเป็นข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้องที่ยังไม่ได้ผ่านการขัดสี จึงมีคุณค่าทางอาหารมาก อาหารที่นิยมให้คุณแม่หลังคลอดกิน เช่น แกงเลียงหัวปลี ไก่และตับผัดขิง ฯลฯ

ที่มา : สมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา / http://www.lannahealth.com

การให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ พักฟื้น อาหาร โรงพยาบาล ป่วย โรคเรื้อรัง ผ่าตัด สายให้อาหาร NG tube feeding เบาหวาน ความดัน ความดันโลหิตสูง แพทย์ ยา หารอาหารปั่น อาหารเสริม อาหารผสม นม นมกระป๋อง บัตรทอง สามสิบบาท ประกันสังคม บ้าน อัมพฤกษ์ อัมพาต พิการ ติดเตียง อยู่ไฟ อยู่ไฟหลังคลอด น้ำคาวปลา ตั้งครรภ์ ท้อง คลอด บุตร ลูก ลูกชาย ลูกสาว ฝากครรภ์ อบสมุนไพร ประจำเดือน นวด โอท้อป แพทย์ หมอ มดลูก เข้าอู่ นม น้ำนม ประจำเดือน

ความเชื่อของคุณแม่ตั้งครรภ์ : การดื่มยาดองหรือยาขับน้ำคาวปลา

ความเชื่อของคุณแม่ตั้งครรภ์ : ดื่มยาดองหรือยาขับน้ำคาวปลา


ดื่มยาดองหรือยาขับน้ำคาวปลา ดีหรือไม่?

- ในบ้านเรายังมีความเชื่อผิด ๆ อีกอย่างก็คือ การให้ดื่มยาดองหรือยาขับน้ำคาวปลาหลังคลอด เพราะมีความเชื่อว่าน้ำคาวปลาคือของเสียที่ต้องขับออกมาให้มาก ๆ ทำให้มีสตรีหลังคลอดเป็นจำนวนมาก ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะตกเลือดจากการกินยาขับน้ำคาวปลานี่แหละ บางรายถึงกับช็อกหมดสติ ต้องให้เลือดช่วยชีวิตกันแทบไม่ทัน

ความจริงน้ำคาวปลาก็คือเลือดดี ๆที่ไหลซึมจากแผลในโพรงมดลูกตรงตำแหน่งที่รกลอกตัวออกไป ซึ่งร่างกายต้องพยายามทำให้หยุดโดยเร็ว ก่อนที่เลือดจะหมดตัวซะก่อนด้วยการให้มดลูกหดรัดตัวบีบเส้นเลือดในมดลูกให้เลือดไหลน้อยลงจนหยุดไปเอง

เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพยายามขับน้ำคาวปลาให้ออกมาเยอะ ๆ เพราะนอกจากจะเสียเลือดเพิ่มโดยไม่จำเป็นแล้ว บรรดายาขับน้ำคาวปลาหรือยาดองทั้งหลายมักมีแอลกอฮอล์ผสม ซึ่งจะผ่านออกมาในน้ำนมได้ ทำให้ลูกดูดนมที่มีแอลกอฮอล์ปนออกมาด้วย ก็เลยเมาหลับปุ๋ยตั้งแต่แรกเกิด

บางคนอาจจะชอบเพราะเลี้ยงง่ายดีไม่งอแง แต่สมองที่หลับไหลไม่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด จะทำให้ลูกลดความเฉลียวฉลาดลงไปเยอะทีเดียว และแอลกอฮอล์อาจทำให้ตับของลูกทำงานผิดปกติ สร้างสารแข็งตัวของเลือดได้น้อยลง จนอาจมีเลือดออกตามส่วนต่าง ๆ ของลูกจนทำให้เสียชีวิตได้

การที่เราจะเชื่อสิ่งใดก็ควรที่จะพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน ซึ่งความเชื่อบางอย่างอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเราและลูก เมื่อเราได้รู้ถึงผลเสียแล้วก็น่าที่จะช่วยกันลบล้างความเชื่อเหล่านี้ทิ้งให้หมด เพื่อประโยชน์ทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์.

ที่มา : จริงหรือ!ความเชื่อขณะตั้งครรภ์ (ตอนที่ 2)
รศ.พญ.สายฝน  ชวาลไพบูลย์ ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล




การให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ พักฟื้น อาหาร โรงพยาบาล ป่วย โรคเรื้อรัง ผ่าตัด สายให้อาหาร NG tube feeding เบาหวาน ความดัน ความดันโลหิตสูง แพทย์ ยา หารอาหารปั่น อาหารเสริม อาหารผสม นม นมกระป๋อง บัตรทอง สามสิบบาท ประกันสังคม บ้าน อัมพฤกษ์ อัมพาต พิการ ติดเตียง อยู่ไฟ อยู่ไฟหลังคลอด น้ำคาวปลา ตั้งครรภ์ ท้อง คลอด บุตร ลูก ลูกชาย ลูกสาว ฝากครรภ์ อบสมุนไพร ประจำเดือน นวด โอท้อป แพทย์ หมอ มดลูก เข้าอู่ นม น้ำนม ประจำเดือน

ความเชื่อสำหรับการอยู่ไฟ

ความเชื่อสำหรับการอยู่ไฟ


ความเชื่อสำหรับการอยู่ไฟมีดังนี้

-ห้ามกินน้ำเย็นอย่างน้อยเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ควรกินน้ำอุ่นให้มากเพื่อบำรุงน้ำนมด้วยค่ะ
-ห้ามทานของหมักดอง หรืออาหารที่ทานแล้วแสลงแผล -คุณแม่คลอดธรรมชาติ สามารถอยู่ไฟได้ภายใน 3-7 วันหลังคลอดได้เลยค่ะ
-คุณแม่ผ่าคลอด ควรรอให้แผลปิดสนิทก่อนจึงค่อยอยู่ไฟประมาณ 30 วันไปแล้วค่ะ
-ห้ามทานของเย็นต่างเพื่อให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นค่ะ
-ควรพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงไม่ควรออกไปโดนฝน หรือ อยู่ในที่ ๆ มีอากาศหนาวจัด ควรทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอค่ะ
-ควรอาบน้ำอุ่นถึงอุ่นจัดเพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดีค่ะ

ข้อควรระวังในการประคบสมุนไพร
-ไม่ควรอาบน้ำทันทีหลังประคบเสร็จ เพราะน้ำจะไปชะล้างตัวยาออกจากผิวหนัง และร่างกายปรับไม่ทันทำให้เป็นไข้ได้

ข้อควรระวังสำหรับการเข้ากระโจมอบสมุนไพร
1. ไม่ควรอบในขณะมีไข้สูง เพราะจะไปเพิ่มความร้อนมากยิ่งขึ้น
2. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกิน 140-180 มิลลิเมตรปรอท หรือผู้ที่มีอาการวิงเวียนศรีษะหน้ามืด ไม่ควรเข้ากระโจมอบสมุนไพร
3. ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไต โรคหัวใจ โรคลมชัก โรคหอบหืดระยะรุนแรง โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่รุนแรง
4. ผู้ที่รับประทานอาหารอิ่มยังไม่ถึง 1 ชั่วโมง ห้ามเข้ากระโจม อาจทำให้อาเจียนได้
5. สตรีขณะมีประจำเดือน โดยเฉพาะที่มีไข้และอาการปวดศรีษะร่วมด้วย ไม่ควรเข้ากระโจมอบสมุนไพร
6. ขณะที่ร่างกายมีการอักเสบจากบาดแผลต่างๆ มีบาดแผลเปิด หรือเป็นแผลเรื้อรัง แผลติดเชื้อ
7. ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย อดนอน อดอาหาร การเสียเหงื่อมากจะทำให้อ่อนเพลียมากยิ่งขึ้น


การให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ พักฟื้น อาหาร โรงพยาบาล ป่วย โรคเรื้อรัง ผ่าตัด สายให้อาหาร NG tube feeding เบาหวาน ความดัน ความดันโลหิตสูง แพทย์ ยา หารอาหารปั่น อาหารเสริม อาหารผสม นม นมกระป๋อง บัตรทอง สามสิบบาท ประกันสังคม บ้าน อัมพฤกษ์ อัมพาต พิการ ติดเตียง อยู่ไฟ อยู่ไฟหลังคลอด น้ำคาวปลา ตั้งครรภ์ ท้อง คลอด บุตร ลูก ลูกชาย ลูกสาว ฝากครรภ์ อบสมุนไพร ประจำเดือน นวด โอท้อป แพทย์ หมอ มดลูก เข้าอู่ นม น้ำนม ประจำเดือน

การศึกษาและประสพการณ์การทำงาน

นายบุญยิ่ง ฤกษ์อุดม

BOONYING RERKUDOM

ใบประกอบวิชาชีพ เลขที่ 4511023525

สมาชิกสภาการพยาบาล เลขที่ 38875

Education

Bachelor of Nursing Science (1995), Mahidol University, BKK

Experience

2012 – Present: Supervisor Kasemrat Bangkae Hospital, BKK

2011-2012 : Supervisor BANGPAKOK 8 Hospital, BKK

2005-2011 : Night manager CHAOPHYA Hospital, BKK

1995-2005 : Nurse manager BANGPAKOK 1 Hospital, BKK

1992-1995 : ICU nurse Siriraj Hospital, BKK

การศึกษา

พยาบาลศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล (2535)

ประสพการณ์

2555- ปัจจุบัน :ผู้ตรวจการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค

2557- ปัจจุบัน :ผู้บริหารโรงเรียนบางกอกอินเตอร์แคร์ การบริบาล

2554- 2555 :ผู้ตรวจการ โรงพยาบาลบางปะกอก 8

2548- 2554 :ผู้ตรวจการ โรงพยาบาลเจ้าพระยา

2538- 2548 :ผู้จัดการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลบางปะกอก 1

2535- 2538 :พยาบาลประจำการ หออภิบาลสยามินทร์1 โรงพยาบาลศิริราช